Last updated: 16 ต.ค. 2568 | 12 จำนวนผู้เข้าชม |
" สูตรอาหารไม่มีจิตวิญญาณ "
คุณในฐานะผู้ปรุงอาหารต่างหาก ... ที่จะต้องนำ
" จิตวิญญาณมาสู่สูตรอาหารนั้น "
thomas Keller : เชฟระดับตำนาน
เมื่อโลกธุรกิจปัจจุบันเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง, ผันผวน, ไม่แน่นอน, ซับซ้อน และคลุมเครือ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ, สังคม, การเมือง, เทคโนโลยี, ภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการทำลายล้าง รวมทั้งสงครามการค้าที่รุนแรง จากทั้งประเทศมหาอำนาจ และนานาประเทศในสังคมโลกนี้
ซึ่งจะนำมาซึ่งผลกระทบทางตรง หรือทางอ้อมกับการดำเนินธุรกิจของทุกๆ องค์กร ทั้งในระดับความรุนแรงมาก หรือน้อย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ, ปัจจัย, สภาวะทางธุรกิจ หรือบริบทของกิจกรรมทางธุรกิจที่มีความแตกต่างกัน
ดังนั้น องค์กรจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการวางแผนงานการดำเนินกลยุทธ์ (Strategy Plan) ให้สอดคล้องกับทั้งสภาวะภายนอก และภายในของธุรกิจที่มีความเปลี่ยนแปลงไป โดยปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง (Key Success) คือ การออกแบบและพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ (Strategy Design & Formulation)
หากแต่ การที่องค์กรจะสามารถออกแบบและพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิผล สอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมายทางธุรกิจขององค์กรได้นั้น ทีมงานกลยุทธ์ รวมทั้งผู้คนที่เกี่ยวข้องจำเป็นที่จะต้องมีทักษะที่สำคัญและจำเป็นต่างๆ เหล่านี้ เพื่อใช้งานในการออกแบบและพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจที่ทรงพลังให้กับองค์กร
1. Systematic Thinking Skill : " คำตอบที่ถูกต้อง จะมาจากการตั้งคำถามที่ถูกต้อง " คำกล่าวนี้ยังคงเป็นจริงอยู่เสมอ ดังนั้น เมื่อองค์กรต้องการกลยุทธ์ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาวะการณ์ทางธุรกิจ ผู้คนในองค์กรก็จะต้องเริ่มต้นจาก .... " การตั้งคำถาม " ในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจที่ถูกต้องและเหมาะสม เช่น
คุณค่าอะไร (Value) ที่เราสามารถส่งมอบให้กับลูกค้าได้ฟรี หรือในราคาที่ต่ำมาก จนทำให้คู่แข่งขันต้องถอย
อะไรคือ " ความเชื่อ " ที่ฝังรากลึกที่สุดในองค์กรของเรา ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในการเจริญเติบโตในอนาคต
2. Persuasive & Engagement Skill : สำหรับโลกยุคปัจจุบันที่องค์ความรู้, ข้อมูล และข่าวสารต่างๆ สำหรับการบริหารจัดการ และดำเนินธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในเชิงปริมาณ และคุณภาพ ขีดความสามารถของบุคลากร เพื่อการกำหนดกลยุทธ์, วิธีการ สำหรับการแสวงหา, ค้นหา และได้มาซึ่งองค์ความรู้, ข้อมูล และข่าวสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับองค์กรทั้งผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
Internal Sources : แหล่งข้อมูลจากการดำเนินงานทางธุรกิจภายในองค์กร เช่น ระบบบัญชีและกาเงิน, ระบบ ERP, ระบบการตลาดและการขาย, ระบบการผลิต และระบบรายงาน & ข้อมูลแบบ Manual ภายในองค์กร
Internet หรือ AI (On - Line) : ข้อมูลจากแหล่งดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นแหล่งข้อมูลสาธารณะที่ผู้คนบนโลกใบนี้ ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนใหญ่ได้ หากแต่ต้องมีทักษะที่เหมาะสมในการตั้งคำถาม, แสวงหา และกลั่นกรองข้อมูล อีกทั้งหากเรามีความสามารถทางภาษาที่หลากหลายก็จะเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลที่สูงขึ้น
Business Connection (Networking) : เป็นการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวและอาชีพที่มีอยู่ เพื่อเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก (Insight), ข้อมูลที่ยังไม่ถูกเผยแพร่ (Unpublished Data) และมุมมองที่แท้จริง (Candid Perspectives) ที่ไม่สามารถหาได้จากรายงานสาธารณะ เช่น ข้อมูลจากสมาคมฯ, ชมรมฯ, Suppliers, ลูกค้า, ผู้เข้าชมงาน, คู่ค้า, เพื่อนร่วมงานเก่า, ที่ปรึกษา, ผู้เชี่ยวชาญ และ ฯลฯ
Market Inelligence : แหล่งข้อมูลประเภทนี้จะเป็นข้อมูลเชิงลึก เน้นการวิเคราะห์ และ Trend ของอุตสาหกรรม โดยเราสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้ด้วยการ " ซื้อข้อมูล " เช่น รายงานตลาดและข้อมูลการขายจากบริษัทฯ วิจัยตลาดต่างๆ, รายงานจากบริษัทฯ Consulting Firm ต่างๆ, รายงานบทวิเคราะห์ต่างๆ จากฐานข้อมูลวิชาชีพ / วิชาการที่ต้องสมัครสมาชิก เช่น รายงานการสำรวจค่าจ้างประจำปี
Academic Sources : แหล่งข้อมูลประเภทนี้ ถือได้ว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือสูง และมีความหลากหลายของแหล่งที่มาของข้อมูล โดยผ่านจากหลากหลายสถาบันการศึกษาหรือมหาวิทยาลัย และองค์กรยังสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้มากขึ้น โดยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอาจารย์หรือบุคลากรของสถานศึกษา หากแต่ข้อมูลส่วนใหญ่จะมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อตอบสนองกับเป้าหมายของภาครัฐ หรือสถานศึกษาเป็นหลัก องค์กรจำเป็นที่จะต้องคัดเลือก หรือนำมาประยุกต์ใช้ อาจจะไม่สามารถนำมาใช้งานได้โดยตรง
Government Sources : แหล่งข้อมูลของหน่วยงานราชการต่างๆ ก็ถือได้ว่าเป็นแหล่งข้อมูลสาธารณะ และที่สำคัญ คือ มีความน่าเชื่อถือ หากแต่ว่าความท้าทายที่สำคัญ คือ ความทันสมัย และ Up to Date ของข้อมูล เนื่องจากข้อมูลจากหน่วยงานราชการส่วนใหญ่มีความล่าช้า และย้อนหลังประมาณ 1-2 ปี หรือมากกว่านั้น
Field Research : เป็นการได้มาซึ่งข้อมูลผ่านวิธีการสำรวจข้อมูลภาคสนามโดยตรงขององค์กรเอง ซึ่งองค์กรจะสามารถควบคุมเงื่อนไขต่างๆ ของการได้มาซึ่งข้อมูลได้อย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการมากที่สุด หากแต่องค์กรก็จำเป็นที่จะต้องลงทุนในการดำเนินงานดังกล่าว
Research & Experiment : นอกเหนือจากการทำ Field Research แล้วนั้น องค์กรยังสามารถกำหนดกลยุทธ์เพื่อการได้มาซึ่งข้อมูลที่มีความลึกของข้อมูลมากกว่าได้โดยการดำเนินงานทำการวิจัย (Research) หรือการทำการทดลอง (Experiment) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของข้อมูลที่องค์กรต้องการว่าจะใช้วิธีการใดที่เหมาะสม, สอดคล้องกับความต้องการสำหรับการนำข้อมูลไปใช้งาน และต้นทุนในการได้มาซึ่งข้อมูลมากกว่ากัน
3. Coaching & Mentoring Skill : เมื่อองค์กรมีข้อมูล, ข่าวสาร และองค์ความรู้ต่างๆ ที่ได้รับเข้ามา เพื่อประมวลผล สำหรับ Strategy Design & Formulation จำนวนมาก ทักษะที่มีความสำคัญอย่างยิ่งคือ การแยกแยะ, วิเคราะห์ข้อมูล กล่าวคือ
Tools Selection : การวิเคราะห์และคัดเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับองค์กรและสภาวะทางธุรกิจ เช่น PESTEL, 5 Forces, 7'S, Value Chain ฯลฯ
Reliability & Accuracy : การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ และความแม่นยำของข้อมูล เช่น ความถูกต้อง, ความครบถ้วน, ความเป็นปัจจุบัน, ความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มาของข้อมูล ฯลฯ
Relevance & Applicability : การแยกแยะข้อมูลที่จำเป็น, มีประโยชน์ และต้องนำไปใช้ (Need to Use) และข้อมูลที่มีความน่าสนใจ เหมาะที่จำเก็บไว้เป็น Appendix (Nice to Have)
Interpretation & Expansion : การวิเคราะห์ผลกระทบของข้อมูลหรือ Factors ต่างๆ ว่าเป็น Positive (+) หรือ Nagative (-) กับองค์กร ร่วมทั้งสามารถตีความและอธิบายความอย่างตรงไป ตรงมาอย่างเป็นกลาง ตามที่ข้อมูลนั้นแสดง โดยปราศจากอคติส่วนตัว เพื่ออธิบายให้กับผู้อื่นที่ต้องเกี่ยวข้องรับทราบและเข้าใจตรงกันอย่างถูกต้อง เช่น Share Value จาก 7's เป็น Negative (-) องค์กรยังมีจุดอ่อนในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจร่วมเกี่ยวกับ Core Value เนื่องจาก แผนงานดำเนินงานสื่อสารยังไม่ประสบความสำเร็จตามแผนงานที่วางไว้ มีการหยุดการดำเนินงานระหว่างทาง
4. Project Management Skill : สำหรับ Strategy Design & Formulation นั้น นอกจากการวิเคราะห์ (Analysis) แล้ว ทีมกลยุทธ์ยังต้องทำการประเมินและเปรียบเทียบคุณค่า (Value) ในหลายขั้นตอนและองค์ประกอบของการดำเนินงาน เช่น
5. HROD Management Skill : การนำ AI มาใช้ในการช่วยตอบคำถามและปัญหาต่างๆ รวมทั้งทำงานบางอย่าง โดยผ่านการ Prompt คำถาม หรือคำสั่งงานที่เหมาะสมเข้าสู่ระบบ AI และให้ระบบ AI ช่วยในทำงานเพื่อการค้นหาข้อมูล,วิเคราะห์ข้อมูล, สร้างแบบจำลอง หรือจัดทำ Output บางอย่าง เช่น Clip, รูปภาพ, รายงาน, ไฟล์เสียง ฯลฯ ดังนั้น เมื่อเรานำระบบ AI มาช่วยในการออกแบบและพัฒนากลยุทธ์องค์กร ก็จะช่วยทำให้เราสามารถพัฒนากลยุทธ์ที่มีความกว้างขวาง, แม่นยำ และเหมาะสมกับกับองค์กรได้สะดวก และมี Productivity สูงมากยิ่งขึ้น เช่น
การแสวงหา, ค้นหา และคัดเลือกข้อมูลเชิงกลยุทธ์
การวิเคราะห์ SWOT (เบื้องต้น)
การออกแบบกลยุทธ์ TOWS (เบื้องต้น)
สนับสนุนการกำหนดและออกแบบกลยุทธ์ระดับ Business และระดับ Functional
สนับสนุนการคัดเลือกและกำหนด Tactical Strategies ที่เหมาะสม
6. Follow Up & Evaluation Skill : ผลลัพธ์
Skill Sets ที่มีความสำคัญและจำเป็นทั้ง 6 X 6 Skill Sets นี้ ถือว่า เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ (Key Success) ที่ส่งผลให้องค์กรสามารถออกแบบและสร้างสรรค์กลยุทธ์ที่เฉียบแหลม ทรงพลัง ตอบสนองต่อสถานการณ์ทางธุรกิจที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการนำกลยุทธ์ที่ได้ออกแบบและพัฒนาขึ้นเป็นอย่างดี ไปบริหารและจัดการได้อย่างมีประสิทธิผล เกิดการเปลี่ยนแปลง และ พัฒนาองค์กร หรือธุรกิจให้ก้าวกระโดด สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และ / หรือพัฒนาธุรกิจใหม่ สำหรับสร้าง New S-Curve ให้กับธุรกิจ อันจะเป็นการส่งมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจ (กำไร, เติบโต และความยั่งยืน) ให้กับองค์กรอย่างชัดเจน
.................................................................................
นำเสนอ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นบทความ ... โดย
ฉัตรชัย บุญเพ็ญ
Executive Consultant : www.hrodevalu9.com
" สุข สงบ เย็น เป็นประโยชน์กับผู้คน "
19 ก.ย. 2568
2 ต.ค. 2568
6 ต.ค. 2568